รถยนต์เป็นที่กำบังที่ปลอดภัยจากฟ้าผ่าเนื่องจากโครงสร้างที่เป็นโลหะซึ่งทำหน้าที่เป็นกรงฟาราเดย์ กรอบโลหะของรถยนต์จะนำไฟฟ้าจากฟ้าผ่าไปยังพื้นดินโดยกระแสไฟจะไม่ผ่านภายในรถ
กรงฟาราเดย์ (Faraday Cage) สามารถกีดขวางสนามไฟฟ้าได้ โดยทำงานจากการกระจายประจุไฟฟ้าภายในตัวนำไฟฟ้าไปในลักษณะที่ทำให้สนามไฟฟ้าภายในหักล้างกันเอง นี้เป็นผลจากการค้นพบของ Michael Faraday ในปี ค.ศ. 1836 กรงฟาราเดย์ ถูกใช้เพื่อปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อ่อนไหวจากการแทรกสอดของคลื่นวิทยุ (RFI) และป้องกันไม่ให้คลื่นวิทยุรบกวนอุปกรณ์รอบข้าง นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันคนหรืออุปกรณ์จากกระแสไฟที่เกิดขึ้นในธรรมชาติอย่างฟ้าผ่าหรือการถ่ายเทประจุไฟฟ้าสถิต (electrostatic discharge) เนื่องจากตัวกรงจะนำไฟฟ้าและปกป้องพื้นที่ภายในไว้ได้
เหตุผลที่รถยนต์ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า
- กรงฟาราเดย์: โครงสร้างโลหะของรถยนต์สร้างกรงฟาราเดย์ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดล้อมที่ป้องกันสนามไฟฟ้าจากภายนอกได้ เมื่อฟ้าผ่าลงบนรถยนต์ ไฟฟ้าจะไหลผ่านโครงโลหะไปยังพื้นดินแทนที่จะไหลผ่านภายในรถ
- ยางรถยนต์: ยางรถยนต์ทำจากยางซึ่งเป็นฉนวนไฟฟ้า ช่วยป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าไหลลงสู่พื้นดินผ่านล้อและยาง
- กระจกหน้ารถ: กระจกหน้ารถทำหน้าที่เป็นฉนวนไฟฟ้าเช่นกัน ช่วยป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าไหลเข้ามาในรถผ่านกระจกหน้ารถ
ข้อชี้แนะเมื่อต้องอยู่ในรถเมื่อฝนตกฟ้าร้อง
- จอดรถในพื้นที่โล่งหลีกเลี่ยงต้นไม้ เสาไฟฟ้า และโครงสร้างสูง
- ปิดหน้าต่างและประตูรถทั้งหมด
- อย่าสัมผัสส่วนโลหะใดๆ ภายในรถ เช่น พวงมาลัย คันเกียร์ หรือที่จับประตู
- หากเป็นไปได้ ให้จอดรถในอาคารหรือใต้หลังคา
ข้อดีของการอยู่ในรถเมื่อฝนตกฟ้าร้อง
- ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า
- ป้องกันจากฝนและลมแรง
- มีที่กำบังชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน
ข้อเสียของการอยู่ในรถเมื่อฝนตกฟ้าร้อง
- อาจติดอยู่ในรถหากเกิดน้ำท่วมหรือดินถล่ม
- อาจเกิดความเครียดหรือวิตกกังวลได้