Apple เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ “Stolen Device Protection” หรือการปกป้องอุปกรณ์ที่ถูกขโมย ช่วยป้องกันข้อมูลเครื่องหาก iPhone ถูกขโมย ด้วย Face ID, Touch ID แทน Passcode สำหรับผู้ใช้งาน iOS 17.3 Development Beta คาดว่า จะสามารถใช้งานจริงได้ในช่วง ต้นปีหน้า ราวๆ ม.ค.-ก.พ. 2024 ค่ะ
ก่อนหน้านี้ หลายคนอาจได้เห็นข่าว iPhone ถูกขโมย และมีคนสามารถปลดล็อคเครื่องได้โดยการกรอก Passcode อาจจะมีกาเหลือบมอง หรือเป็นการเดาถูกก็ได้นะคะ แตก็สามารถทำให้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญของเจ้าของเครื่องได้ เช่น รหัสผ่านใน iCloud, การรีเซ็ต Apple ID, Face ID, ปิด Find My และอื่น ๆนั่นเองค่ะ
Apple ได้เคยมีการออกมาแถลงว่า กำลังหาวิธีที่จะป้องกันข้อมูลผู้ใช้จากเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว และล่าสุด ฟีเจอร์นี้ก็ถูกนำมาใส่แล้วใน iOS 17.3 Beta ตัวทดสอบสำหรับนักพัฒนานั่นเองค่ะ จะเป็นยังไงบ้าง มาดูพร้อมกันเลยค่ะ
ฟีเจอร์นี้มีชื่อว่า “Stolen Device Protection” หรือ “การปกป้องอุปกรณ์ที่ถูกขโมย” โดยถ้าผู้ใช้เปิดใช้งาน Stolen Device Protection แล้ว iPhone “ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย” ระบบจะใช้การยืนยันตัวตนด้วย Face ID, Touch ID ในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญ โดยใช้ Passcode อย่างเดียวนั่นเองค่ะ ตัวอย่างเช่น หาก iPhone ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเครื่อง หรือ iPhone ถูกขโมยไป แล้วเจ้าของเปิดโหมดสูญหาย (Lost Mode)ไว้ ถึงแม้ผู้ไม่หวังดี จะรู้รหัสปลดล็อคเครื่อง (Passcode) ก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เพราะต้องใช้ Face ID, Touch ID ในการยืนยันตัวตน เป็นต้นค่ะ
การเปิดใช้งาน Stolen Device Protection
สามารถเปิดใช้งาน Stolen Device Protection ได้ที่ การตั้งค่า > Face ID และรหัสผ่าน > เปิด “ปกป้องอุปกรณ์ที่ถูกขโมย”
ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับ iPhone ทุกรุ่นที่รองรับ iOS 17 ซึ่งก็คือ iPhone XS และใหม่กว่า และ iOS 17.3 น่าจะปล่อยออกมาในเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ 2024 นี้ค่ะ
ที่มา : MacRumors
