วันพุธ, 23 ตุลาคม 2567

สรรพคุณน่ารู้ของพริกแต่ละชนิด

20 ธ.ค. 2023
904

บทความนี้จะมานำเสนอความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณน่ารู้ของพริกแต่ละชนิดกันนะคะ รู้หรือไม่คะว่า พริกแต่ละชนิดนั้น มีสรรพคุณที่แตกต่างกันไปเลยนะคะ

ก่อนอื่นเลย ต้องบอกเลยนะคะว่า “พริก”นั้น มีสรรพคุณที่มากกว่าการทำให้รสชาติอาหารอร่อยนะคะ แต่ยังมีข้อดีของพริก และประโยชน์ต่อร่างกายที่หลาย ๆ คนอาจคาดไม่ถึงอีกด้วยค่ะ แน่นอนว่าพริกนั้นจะมีสรรพคุณที่แตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ละสายพันธุ์นะคะ


พริก มีสรรพคุณที่อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นพืชผักสมุนไพรในวงศ์ Solanaceae มีลักษณะทรงรี ปลายเรียว มีตั้งแต่สีเขียวไปจนถึงสีแดง ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยสิ่งที่ทำให้พริกมีรสชาติที่เผ็ดร้อน โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็คือสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่อยู่ภายในพริกนั่นเองค่ะ และนี่คือสรรพคุณของพริกแต่ละชนิดค่ะ

สรรพคุณน่ารู้ของพริกแต่ละชนิด

 1. พริกชี้ฟ้า
สารสำคัญที่พบในบริเวณไส้ของผลพริก คือ “แคปไซซิน” (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นฉุน โดยสารชนิดนี้สามารถยับยั้งการขนส่งน้ำตาลกลูโคสผ่านลำไส้ได้ จึงมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายลดลง ส่วนสารสำคัญที่ทำให้พริกมีสีส้มหรือสีแดง คือ แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งประกอบไปด้วยสารแคโรทีน (Carotene), แคปซันทิน (Capsanthin), แคปซารูบิน (Capsarubin), ลูทีโอลิน (Luteolin) ส่วนในเมล็ดพริกมีสารโซลานีน (Solanine) และโซลานิดีน (Solanidine) นอกจากนี้พริกยังมีสารอาหารอีกมากมาย เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส เป็นต้น

  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ช่วยกระตุ้นการควบคุมอาหาร และการเผาผลาญไขมัน
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดความดันโลหิต
  • มีสารต้านอนุมูลอิเกนโนล (Antioxidant) ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

2. พริกหยวก
เป็นกลุ่มพันธุ์ของสปีชีส์ Capsicum annuum พริกหยวกให้ผลสีต่าง ๆ กัน รวมถึงแดง เหลือง ส้มและเขียว บางครั้งพริกหยวกถูกจัดกลุ่มรวมกับพริกที่เผ็ดน้อย เรียกว่า “พริกหวาน” พริกเป็นพืชประจำถิ่นในเม็กซิโก อเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้ตอนเหนือ ภายหลังเมล็ดพริกถูกนำไปยังสเปนใน ค.ศ. 1493 และได้เผยแพร่ไปยังประเทศยุโรป แอฟริกาและเอเชียอื่นจากที่นั้นเอง
พริกหยวกสีที่พบมากที่สุดคือสีเขียวสีเหลืองสีส้มและสีแดง สามารถพบเห็นได้มากขึ้น, สีน้ำตาล, สีขาว, ลาเวนเดอร์และพริกไทยสีม่วงเข้มขึ้นอยู่กับความหลากหลาย โดยทั่วไปแล้วผลไม้สุกมีสีเขียวหรือน้อยกว่าปกติสีเหลืองอ่อนหรือสีม่วง พริกหยวกแดงเป็นพริกเขียวที่สุกแล้ว

  • มีวิตามินซีและวิตามินอี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีแคปซายซิน (Capsaicin) ช่วยลดอาการอักเสบและปวดที่ข้อต่าง ๆ
  • ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างระบบทางเดินหายใจ

 3. พริกขี้หนู
อยู่ในวงศ์ Solanaceae มีลักษณะเป็นไม้ต้น ความสูง 30-120 cm ใบมีลักษณะแบนและเรียบมัน ผลมีขนาดเล็กเรียวยาวประมาณ 2-3 ซ.ม. เมื่อดิบผลมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเผ็ดจัด นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลากหลายชนิด

  • มีวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
  • มีสารคารอทีนอยด์ (Carotenoid) ช่วยเสริมสร้างสายตาและรักษาสายตา
  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร

โดยการบริโภคพริกแต่ละชนิดนั้น จะมีปริมาณแคปไซซินที่แตกต่างกันนะคะ เพราะฉะนั้นแล้ว ควรระมัดระวังในการบริโภคพริกที่มีความเผ็ดมากด้วยนะคะ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการร้อนในกระเพาะอาหาร หรืออาจไม่เหมาะสมกับบางคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หรือลำไส้นั่นเองค่ะ จึงควรรับประทานพริกในปริมาณที่เหมาะสมและเสริมสร้างด้วยอาหารอื่น ๆ ที่มีโภชนาการครบถ้วนด้วยนะคะ

ประโยชน์ต่อร่างกายของพริก

พริก มีสรรพคุณเผ็ดร้อนเป็นแหล่งรวมวิตามินบี และวิตามินซีที่สูงมาก ทั้งยังมีเบตาแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ อย่าง แมกนีเซียม และโพแทสเซียมอีกด้วยนะคะ นอกจากสรรพคุณของพริกจะช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนให้อาหารอร่อยขึ้นแล้ว พริกยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมายดังนี้เลยค่ะ

  • พริก มีสรรพคุณในการลดน้ำหนัก
    อย่างที่รู้กันค่ะว่า แคปไซซินเป็นสารให้ความเผ็ดร้อนในพริก ดังนั้นเมื่อกินอาหารรสเผ็ดที่มีส่วนประกอบเหล่านี้ ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหาร ยิ่งมีรสเผ็ดร้อนมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มาก ทั้งยังมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารย่อยได้เร็วขึ้น และเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น นอกจากนี้แคปไซซินยังป้องกันการสร้างไขมัน หรือการก่อตัวของเซลล์ไขมันได้อีกด้วยค่ะ
      
  • พริก มีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงของหัวใจ
    แคปไซซินในพริกมีประโยชน์มากมาย อีกหนึ่งประโยชน์ที่มีของพริก นั่นก็คือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ เนื่องจากสารแคปไซซินสามารถป้องกันการสะสมของคอเลสเตอรอล ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด และยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือดที่นำไปสู่การป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้
  • พริก มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้เลือดในร่างกายเกิดการสูบฉีด
    พริกช่วยขยายในการหลอดเลือด ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดที่ดี ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้ดี รวมถึงยังสามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้ความดันโลหิตลดลง ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขมากได้มากขึ้น
  • พริก มีสรรพคุณช่วยป้องกันผมร่วง
    ปัญหาผมร่วงอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ อายุ หรือการแพ้จากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ซึ่งสารแคปไซซินสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมได้เช่นกันค่ะ
  • พริก มีสรรพคุณเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง
    เนื่องจากพริกเป็นแหล่งรวมของมีวิตามินเอและวิตามินซี รวมถึงเบตาแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสารอาหารเหล่านี้สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันไข้หวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้พริกยังมีสรรพคุณในเรื่องของการบำรุงสายตา ช่วยขับเสมหะ ทำให้หายใจคล่อง รวมถึงบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ได้อีกด้วย และถึงแม้สรรพคุณของพริกต่อร่างกายจะมีหลากหลาย แต่สารเผ็ดร้อนภายในพริก หากกินในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรกินในปริมาณที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ

ประโยชน์ในการทำอาหารของพริก

พริกเป็นวัตถุดิบที่สามารถรับประทานได้ ทั้งแบบสด และแบบแปรรูป อย่างการนำมาทำเป็น พริกแห้ง พริกป่น พริกดอง เพื่อการยืดระยะเวลาในการนำมาประกอบอาหาร และยังสามารถแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อีกมากมายเลยค่ะ

  • เมนูแปรรูปที่มีพริกเป็นวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ซอสพริก น้ำจิ้มไก่ เครื่องแกงเผ็ด เครื่องแกงส้ม น้ำพริกเผา น้ำพริกต่าง ๆ และผงปาปริก้า เป็นต้น
  • เมนูขนมหวาน ของว่าง หรือกินเล่นจากพริก ได้แก่ พริกทอด พริกอบกรอบ หรือช็อกโกแลตรสพริก เป็นต้น

ที่มา : Judsee , AEC TRADE CENTER