ประเทศไทยเป็นที่อยู่อาศัยของงูหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งบางชนิดมีพิษร้ายแรงที่สามารถคุกคามชีวิตมนุษย์ได้ หากถูกงูกัดโดยงูที่มีพิษร้ายแรง การรักษาอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการช่วยชีวิตและป้องกันผลกระทบระยะยาว ต่อไปนี้คือ 5 อันดับงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในประเทศไทยพร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับพิษและวิธีการรักษา
- งูเห่า
- พิษ: พิษของงูเห่าเป็นพิษต่อระบบประสาทที่ออกฤทธิ์ต่อระบบหายใจและกล้ามเนื้อ พิษจะทำให้เกิดอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-6 ชั่วโมง
- พบได้ที่: ทั่วประเทศไทยในพื้นที่เปิดโล่ง เช่น ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ และบริเวณที่มีผู้คนอาศัย
- เวลาที่ต้องรีบรักษา: ภายใน 30 นาที
- วิธีรักษา: เซรุ่มแก้พิษงูเห่า
- งูจงอาง
- พิษ: พิษของงูจงอางเป็นพิษต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์คล้ายกับพิษของงูเห่า แต่รุนแรงกว่ามาก พิษจะทำให้เกิดอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว รวมถึงกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจและกล้ามเนื้อหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 1-3 ชั่วโมง
- พบได้ที่: ทั่วประเทศไทยในพื้นที่ป่าและบริเวณที่มีผู้คนอาศัย
- เวลาที่ต้องรีบรักษา: ภายใน 30 นาที
- วิธีรักษา: เซรุ่มแก้พิษงูจงอาง
- งูแมวเซา
- พิษ: พิษของงูแมวเซาเป็นพิษต่อเนื้อเยื่อที่ออกฤทธิ์ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัด พิษจะทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง บวม และเนื้อตาย หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดการสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิตได้
- พบได้ที่: ทั่วประเทศไทยในพื้นที่ป่าและบริเวณที่มีผู้คนอาศัย
- เวลาที่ต้องรีบรักษา: ภายใน 6 ชั่วโมง
- วิธีรักษา: การผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายแล้วและการให้ยาปฏิชีวนะ
- งูเขียวหางไหม้
- พิษ: พิษของงูเขียวหางไหม้เป็นพิษต่อระบบประสาทที่ออกฤทธิ์ต่อระบบหายใจและกล้ามเนื้อ พิษจะทำให้เกิดอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-6 ชั่วโมง
- พบได้ที่: ทั่วประเทศไทยในพื้นที่ป่าและบริเวณที่มีผู้คนอาศัย
- เวลาที่ต้องรีบรักษา: ภายใน 30 นาที
- วิธีรักษา: เซรุ่มแก้พิษงูเขียวหางไหม้
- งูสามเหลี่ยม
- พิษ: พิษของงูสามเหลี่ยมเป็นพิษต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์คล้ายกับพิษของงูเห่า แต่รุนแรงกว่ามาก พิษจะทำให้เกิดอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว รวมถึงกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจและกล้ามเนื้อหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 1-3 ชั่วโมง
- พบได้ที่: ทั่วประเทศไทยในพื้นที่ป่าและบริเวณที่มีผู้คนอาศัย
- เวลาที่ต้องรีบรักษา: ภายใน 30 นาที
- วิธีรักษา: เซรุ่มแก้พิษงูสามเหลี่ยม
วิธีการรักษา
การรักษาพิษงูอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการช่วยชีวิตและป้องกันผลกระทบระยะยาว หากถูกงูกัดโดยงูที่มีพิษร้ายแรง ให้ปฏิบัติดังนี้
- ตั้งสติและอย่าตกใจ: ความตื่นตระหนกจะทำให้หัวใจเต้นเร็วและแพร่กระจายพิษได้เร็วขึ้น
- สังเกตงู: หากเป็นไปได้ ให้จดจำลักษณะของงูเพื่อช่วยในการระบุชนิดและการรักษา
- ล้างแผล: ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่
- พันแผล: พันแผลด้วยผ้าพันแผลที่สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของพิษ แต่ไม่ควรพันแน่นเกินไป
- ทำให้แผลต่ำกว่าหัวใจ: นอนลงและยกแผลที่ถูกกัดให้ต่ำกว่าหัวใจเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษ
- อย่าดูดพิษ: การดูดพิษจะไม่ช่วยกำจัดพิษและอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
- อย่ากรีดแผล: การกรีดแผลจะไม่ช่วยกำจัดพิษและอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
- รีบไปโรงพยาบาล: รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
การรักษาพิษงูโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการให้เซรุ่มแก้พิษ ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่สามารถจับกับพิษและทำให้พิษไม่ทำงาน นอกจากนี้ แพทย์อาจให้ยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบ และยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การป้องกันการถูกงูกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หลีกเลี่ยงการเดินในพื้นที่ที่มีงูอาศัยอยู่ สวมรองเท้าบู๊ตและกางเกงขายาวเมื่อเดินในป่า และใช้ไฟฉายเมื่อเดินในเวลากลางคืน หากพบงู ให้ถอยห่างอย่างช้าๆ และอย่าพยายามเข้าใกล้หรือรบกวน