บทความนี้จะมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการค้างค่างวดไฟแนนซ์กันนะคะ มาดูกันว่า สามารถค้างค่างวดรถ ได้กี่วัน?กี่เดือน? จึงจะไม่ถูกไฟแนนซ์ตามยึดรถนะคะ
การผิดนัดชำระค่างวดเพียงไม่กี่วัน จนไฟแนนซ์ต้องโทรมาทวงถาม กรณีนี้ไม่มีการยึดรถอย่างแน่นอนค่ะ และจะไม่ทำให้เกิดประวัติค้างชำระ กับเครดิตบูโรด้วยนะคะ แต่อาจจะเกิดค่าทวงถาม และค่าปรับล่าช้าตามมานั่นเองค่ะ ทางที่ดีควรรีบชำระค่างวดภายในวันเวลาที่กำหนด หรืออย่างช้าไม่เกิน 2-3 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรเขที่อาจเกิดได้นั่นเองค่ะ
เพราะฉะนั้น ผู้กู้ซื้อรถยนต์ทุกคน ควรต้องทำการจ่ายค่างวดรถ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ เพื่อรักษาเครดิตการจ่ายหนี้เอาไว้ให้คงที่ และดีตลอดไป แต่ถ้าอยู่มาวันหนึ่งสภาพคล่องทางการเงิน เกิดติดขัดจนไม่สามารถจ่ายค่างวดรถได้ตรงเวลาแล้ว ผู้กู้สามารถจ่ายค่างวดรถช้าได้นานสุด 90 วัน หรือ 3 เดือน หรือ 3 งวดด้วยกันนะคะ และจะมีการติดตามทวงถามหนี้เพิ่มเติมอีก 30 วัน สรุปง่าย ๆ ก็คือ ผู้กู้มีระยะเวลาในการเคลียร์หนี้ทั้งหมด 4 เดือนด้วยกันนะคะ หากพ้นจากนั้นแล้ว ไฟแนนซ์มีสิทธิ์ยึดรถได้ตามกฎหมายทันทีเลยค่ะ
กรณีมีการยึดรถก่อนกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว จะถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 นะคะ รวมถึงถ้ามีการข่มขู่ บังคับให้ลูกหนี้ลงจากรถ กระชากกุญแจ หรือการนำกุญแจสำรองมาไข โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกหนี้แล้ว จะถือเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 โดยหากเป็นการร่วมกระทำผิดเกินกว่า 5 คน จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับกันเลยนะคะ
กรณีไฟแนนซ์ยึดรถไปเรียบร้อยแล้ว รถคันดังกล่าวจะถูกดำเนินการขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาปิดยอดหนี้ที่เหลือ ซึ่งโดยมากแล้วจะถูกขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาดที่แท้จริงเป็นอย่างมากเลยค่ะ หากว่ายังคงมีหนี้เหลืออยู่ ไฟแนนซ์จะกลับมาทวงถามค่าส่วนต่าง รวมถึงเรียกเก็บค่าดำเนินการที่เกิดขึ้นในภายหลังอีกด้วยนะคะ เรียกว่าโชคร้ายสองเด้งเสียสองต่อกันเลยค่ะ เพราะรถไม่มีใช้ แถมยังถูกเรียกเก็บหนี้ส่วนที่เหลืออีกต่อหนึ่งด้วยค่ะ แต่หากยังไม่สามารถชำระได้อีก ทางไฟแนนซ์ก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ดังนั้น ลูกหนี้ไม่ควรปล่อยให้ไฟแนนซ์ดำเนินการยึดรถอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ ไม่คุ้มเลยจริงๆค่ะ เพราะจะทำให้ลูกหนี้หมดอำนาจในการเจรจาต่อรองค่างวดที่ค้างชำระทันที
สำหรับทางออกในกรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้จริงๆ ก็มีอยู่หลายวิธีนะคะ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น
- การขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้
- การเปลี่ยนสัญญาเพื่อยกรถให้ผู้อื่นผ่อนต่อ
- การขอรีไฟแนนซ์
ซึ่งวิธีทั้ง 3 ทางนี้ ก็อาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาลงได้นะคะ